ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เมื่อใดที่ยังมีความสงสัยและมีความหยาบกระด้างหรือขุ่นมัว ไม่สามารถที่จะเข้าใจพระธรรมได้ ขณะนั้นก็เหมือนกับมีตะปูตรึงใจ เมื่อได้ฟังพระธรรมก็มีความสงสัย ๆ บ่อย ๆ ไม่พิจารณาอะไร ถ้าเป็นความสงสัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เท่ากับว่ามีตะปูเล็ก ๆ ตรึงใจ ทำให้ขณะนั้นไม่สามารถเข้าใจธรรม แต่ถ้ามีโอกาสได้ฟังได้พิจารณาธรรมมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีตะปูเล็ก ๆ ตรึงใจอยู่ ก็สามารถที่จะถอนหรือคลายได้ แต่ก็ต้องเป็นความเห็นถูกคือปัญญาเท่านั้น จึงจะสามารถที่จะละคลายได้
เพราะฉะนั้น ให้ทราบว่าขณะใดมีธรรมที่หยาบกระด้างเปรียบเหมือนตะปูที่แข็ง เกิดขึ้นแล้วก็ตรึงใจ ทำให้ขณะนั้นไม่สามารถไปสู่ความเห็นถูกความเข้าใจถูกได้ หรือไม่สามารถออกจากความสงสัยได้ แต่ก็ยังมีธรรมที่สามารถที่จะคลายความสงสัย คือ ปัญญา ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ไม่ได้สะสมความสงสัยและไม่ยอมที่จะศึกษาธรรมเลย ขอแต่เพียงยังคงเก็บความสงสัยเรื่องโน้นเรื่องนี้ โดยไม่ฟังเหตุผลหรือไม่พิจารณาว่า แท้ที่จริงแล้วเป็นธรรมยากที่จะรู้และหลากหลาย แต่ก็จะรู้ได้ด้วยปัญญาที่อบรมเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นหนทางเดียว ที่ยังสงสัยก็เพราะเหตุว่ายังไม่ได้อบรมปัญญาให้เจริญเพิ่มขึ้น ถ้าได้อบรมปัญญาเพิ่มขึ้น ความสงสัยก็จะลดน้อยลง ตะปูที่ตรึงใจก็จะค่อย ๆ ถอนออกได้
เพราะฉะนั้นความสงสัยในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ จากการศึกษา คือ รู้ว่าการที่ได้ฟังพระธรรมบ่อย ๆ จะสามารถทำให้เข้าใจธรรมที่ได้ยินได้ฟัง เพราะว่าสิ่งที่ได้ยินได้ฟังบ่อย ๆ ก็เป็นเรื่องของธรรม เมื่อเข้าใจแล้วก็จะทำให้รู้หนทางที่จะทำให้หมดความสงสัย หมดตะปูตรึงใจได้ มิฉะนั้นจากความเป็นปุถุชนก็จะไปสู่พระอริยบุคคลไม่ได้ แต่เพราะเหตุว่าธรรมเหล่านี้ แม้ว่าขณะที่เกิดเป็นตะปูตรึงใจ แต่ถ้ามีปัญญาเมื่อไร ก็จะค่อย ๆ ถอนสิ่งที่เป็นตะปูตรึงใจได้ เพราะฉะนั้นทุกคนย่อมรู้ตนเองดี ว่ามีความสงสัยมากน้อยแค่ไหน หรือว่าตะปูตรึงใจได้คลายลงมากน้อยแค่ไหน
แต่ละท่านก็ศึกษาและฟังธรรมเพื่อความเข้าใจขึ้น แต่ว่าเวลามีความหยาบกระด้างหรือโทสะเกิดขึ้นก็ไม่รู้ว่ามีตะปูตรึงใจ บางท่านฟังธรรมเข้าใจ แต่ก็ยังเก็บความโกรธ ยังจะผูกโกรธอีกต่อไป ตราบใดที่ยังไม่สามาถถอนตะปูออก ก็เพราะเหตุว่า ยังไม่มีกำลังของปัญญาพอที่จะคลายหรือพอที่จะเห็นโทษของโทสะ เพราะฉะนั้น ต้องฟังธรรมสะสมปัญญาจนกว่าจะสามารถถอนตะปูตรึงใจได้
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน
ขออุทิศส่วนกุศลแก่สรรพสัตว์