ข้อความในสัมโมหวิโนทนี อรรถกถา สัจจวิภังคนิทเทส นิทเทสโสกะ ข้อ ๑๙๔ แสดงถึงธรรมที่ทำให้ปราศจากสุข ได้แก่ พยสนะ คือ ความพินาศ ๕ ประการ ได้แก่
ญาติพยสนะ๑ โภคพยสนะ๑ โรคพยสนะ๑ สีลพยสนะ๑ ทิฏฐิพยสนะ๑.....ทุกคนจะต้องประสบกับความทุกข์ ความเศร้าโศกจากพยสนะเหล่านี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้นเลย
๑. ญาติพยสนะ ความสูญเสียสิ้นไปแห่งญาติพี่น้อง หรือความพินาศอันเกิดแก่ญาติด้วยภัยจากโจรผู้ร้ายและโรคภัยไข้เจ็บเป็นต้น ญาติซึ่งเป็นที่รัก ทุกข์ทั้งหลายต้องมาจากโลภะเป็นเหตุ ถ้ายังมีความยินดี พอใจ ติดข้อง ต้องการ ในสัตว์ ในบุคคล ในวัตถุสิ่งของใด ก็จะต้องมีทุกข์อันเกิดจากของสิ่งนั้น เมื่อมีความสูญสิ้นไปของญาติ ก็จะต้องมีความเศร้าโศกโทมนัส หรือเมื่อญาติประสบกับภัยต่าง ๆ อันเกิดจากถูกโจรภัย หรือโรคภัยเบียดเบียน ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องด้วยก็จะมีความทุกข์ความเสียใจด้วย แต่ถ้าเป็นผู้อื่น ก็คงจะมีความเห็นอกเห็นใจไม่มากนัก ไม่ถึงกับเป็นทุกข์ใหญ่โต
๒. โภคพยสนะ คือ ความพินาศซึ่งเกิดแต่โภคทรัพย์ หมายถึงความสิ้นไปแห่งโภคทรัพย์ ด้วยอำนาจของราชภัยหรือโจรภัย เป็นต้น เมื่อยังไม่เกิดกับแต่ละคน ก็จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา ทรัพย์สมบัติเสื่อมไป สูญไป หายไป ถ้าเป็นจำนวนนิดหน่อย ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเศร้าโศกเสียใจหรือเดือดร้อนเท่าไร แต่ถ้าหากว่าต้องสูญเสียทรัพย์สมบัติมาก ก็จะมีความรู้สึกหวั่นไหวและเศร้าโศกเสียใจมาก
เพราะฉะนั้น ขอให้ท่านพิจารณาว่า ถ้าขณะใดก็ตามเมื่อมีการเสื่อมทรัพย์หรือสูญเสียทรัพย์สมบัติ แม้ว่าเป็นจำนวนมาก ก็เป็นเพียงเสมือนการทดลองการจาก เพราะเหตุว่า ต่อไปภายหน้า เราจะต้องมีการจากที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก ต้องจากทรัพย์สิ้นทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่บางส่วนหรือส่วนใหญ่ โดยการสิ้นชีวิต เพราะฉะนั้น เวลาที่ยังไม่สิ้นชีวิต ถ้ามีการที่จะต้องเสื่อมทรัพย์ไม่ว่าประการใดก็ตาม ก็เหมือนเป็นการทดลองหรือการพิสูจน์ความติดในทรัพย์นั้น
๓. โรคพยสนะ คือ ความพินาศอันเกิดจากโรคเบียดเบียน เพราะเหตุว่า โรคต่าง ๆ ย่อมทำให้ผู้มีโรคพินาศได้ ตราบใดที่ยังไม่มีโรคเบียดเบียน ก็ยังไม่รู้สึกเป็นทุกข์ ถ้าถูกโรคร้ายแรงเบียดเบียน ก็จะเห็นว่า ทำให้เกิดทุกข์โทมนัสมาก ตามกำลังของโรคนั้น ๆ ซึ่งหนีไม่พ้น และไม่มีใครทราบล่วงหน้าได้ว่า ภายหน้าจะมีโรคร้ายแรงขนาดไหนเกิดกับตน ซึ่งก็แล้วแต่เหตุที่ได้กระทำไว้แล้ว
๔. สีลพยสนะ ความพินาศไปซึ่งเกิดแต่ศีล คือ ความทุศีลย่อมนำให้ศีลสิ้นไป เวลาที่มีทุจริตกรรม ขคือ การล่วงศีลเกิดขึ้น ย่อมได้รับทุกข์ด้วยประการต่าง ๆ ตั้งแต่เสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่มีใครคบหาสมาคมด้วย และยังจะต้องได้รับผลหนักหรือเบาจากการทำอกุศลกรรม อันเนื่องจากทุุศีลนั้น ๆ ตามกาลเวลาด้วย
๕. ทิฏฐิพยสนะ ความเสื่อมหรือความพินาศซึ่งเกิดจากความเห็นผิด อันเป็นอันตรายมาก เพราะไม่สามารถที่จะทำให้เกิดความคิดพิจารณาที่ถูกต้องในเหตุผลของสภาพธรรม ตามความเป็นจริงได้ เพราะฉะนั้นก็ย่อมจะนำโทษภัยใหญ่หลวงมาให้ตลอดในสังสารวัฏฏ์ได้ ถ้าตราบใดที่ยังไม่พ้นจากความเห็นผิด สังสารวัฏฏ์ย่อมไม่จบสิ้นได้
ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน
.............................................
ญาติพยสนะ๑ โภคพยสนะ๑ โรคพยสนะ๑ สีลพยสนะ๑ ทิฏฐิพยสนะ๑.....ทุกคนจะต้องประสบกับความทุกข์ ความเศร้าโศกจากพยสนะเหล่านี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้นเลย
๑. ญาติพยสนะ ความสูญเสียสิ้นไปแห่งญาติพี่น้อง หรือความพินาศอันเกิดแก่ญาติด้วยภัยจากโจรผู้ร้ายและโรคภัยไข้เจ็บเป็นต้น ญาติซึ่งเป็นที่รัก ทุกข์ทั้งหลายต้องมาจากโลภะเป็นเหตุ ถ้ายังมีความยินดี พอใจ ติดข้อง ต้องการ ในสัตว์ ในบุคคล ในวัตถุสิ่งของใด ก็จะต้องมีทุกข์อันเกิดจากของสิ่งนั้น เมื่อมีความสูญสิ้นไปของญาติ ก็จะต้องมีความเศร้าโศกโทมนัส หรือเมื่อญาติประสบกับภัยต่าง ๆ อันเกิดจากถูกโจรภัย หรือโรคภัยเบียดเบียน ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องด้วยก็จะมีความทุกข์ความเสียใจด้วย แต่ถ้าเป็นผู้อื่น ก็คงจะมีความเห็นอกเห็นใจไม่มากนัก ไม่ถึงกับเป็นทุกข์ใหญ่โต
๒. โภคพยสนะ คือ ความพินาศซึ่งเกิดแต่โภคทรัพย์ หมายถึงความสิ้นไปแห่งโภคทรัพย์ ด้วยอำนาจของราชภัยหรือโจรภัย เป็นต้น เมื่อยังไม่เกิดกับแต่ละคน ก็จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา ทรัพย์สมบัติเสื่อมไป สูญไป หายไป ถ้าเป็นจำนวนนิดหน่อย ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเศร้าโศกเสียใจหรือเดือดร้อนเท่าไร แต่ถ้าหากว่าต้องสูญเสียทรัพย์สมบัติมาก ก็จะมีความรู้สึกหวั่นไหวและเศร้าโศกเสียใจมาก
เพราะฉะนั้น ขอให้ท่านพิจารณาว่า ถ้าขณะใดก็ตามเมื่อมีการเสื่อมทรัพย์หรือสูญเสียทรัพย์สมบัติ แม้ว่าเป็นจำนวนมาก ก็เป็นเพียงเสมือนการทดลองการจาก เพราะเหตุว่า ต่อไปภายหน้า เราจะต้องมีการจากที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก ต้องจากทรัพย์สิ้นทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่บางส่วนหรือส่วนใหญ่ โดยการสิ้นชีวิต เพราะฉะนั้น เวลาที่ยังไม่สิ้นชีวิต ถ้ามีการที่จะต้องเสื่อมทรัพย์ไม่ว่าประการใดก็ตาม ก็เหมือนเป็นการทดลองหรือการพิสูจน์ความติดในทรัพย์นั้น
๓. โรคพยสนะ คือ ความพินาศอันเกิดจากโรคเบียดเบียน เพราะเหตุว่า โรคต่าง ๆ ย่อมทำให้ผู้มีโรคพินาศได้ ตราบใดที่ยังไม่มีโรคเบียดเบียน ก็ยังไม่รู้สึกเป็นทุกข์ ถ้าถูกโรคร้ายแรงเบียดเบียน ก็จะเห็นว่า ทำให้เกิดทุกข์โทมนัสมาก ตามกำลังของโรคนั้น ๆ ซึ่งหนีไม่พ้น และไม่มีใครทราบล่วงหน้าได้ว่า ภายหน้าจะมีโรคร้ายแรงขนาดไหนเกิดกับตน ซึ่งก็แล้วแต่เหตุที่ได้กระทำไว้แล้ว
๔. สีลพยสนะ ความพินาศไปซึ่งเกิดแต่ศีล คือ ความทุศีลย่อมนำให้ศีลสิ้นไป เวลาที่มีทุจริตกรรม ขคือ การล่วงศีลเกิดขึ้น ย่อมได้รับทุกข์ด้วยประการต่าง ๆ ตั้งแต่เสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่มีใครคบหาสมาคมด้วย และยังจะต้องได้รับผลหนักหรือเบาจากการทำอกุศลกรรม อันเนื่องจากทุุศีลนั้น ๆ ตามกาลเวลาด้วย
๕. ทิฏฐิพยสนะ ความเสื่อมหรือความพินาศซึ่งเกิดจากความเห็นผิด อันเป็นอันตรายมาก เพราะไม่สามารถที่จะทำให้เกิดความคิดพิจารณาที่ถูกต้องในเหตุผลของสภาพธรรม ตามความเป็นจริงได้ เพราะฉะนั้นก็ย่อมจะนำโทษภัยใหญ่หลวงมาให้ตลอดในสังสารวัฏฏ์ได้ ถ้าตราบใดที่ยังไม่พ้นจากความเห็นผิด สังสารวัฏฏ์ย่อมไม่จบสิ้นได้
ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน
.............................................