Translate

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

มงคลสูตร




                 ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


มงคลสูตรในขุททกปาฐะ

(๕) ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้. สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร อารามของท่านอนาถบิณฑิกะ กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้น เมื่อล่วงปฐมยามไปแล้ว เทวดาองค์หนึ่งมีวรรณะงดงามเปล่งรัศมีสว่างทั่วพระเชตวัน  เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วยืน ณ ที่สมควรส่วนหนึ่ง ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยพระคาถาว่า

(๖) เทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก ปรารถนาความสวัสดี พากันคิดมงคลทั้งหลาย ขอพระองค์โปรดตรัสบอกมงคลอันอุดมด้วยเถิด พระเจ้าข้า.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบ ด้วยคาถาเหล่านั้นว่า

                                 
                                 การไม่คบพาล   การคบแต่บัณทิต   และการบูชา
                      ผู้ที่ควรบูชา นี้ก็เป็นมงคลอุดม

                                 การอยู่ในประเทศอันเหมาะ  ความเป็นผู้ทำบุญ
                     ไว้แต่ปางก่อน   การตั้งตนไว้ชอบ   นี่ก็เป็นมงคลอุดม

                                 ความเป็นพหูสูต   ความเป็นผู้มีศิลปะ   มีวินัยที่
                     ศึกษามาดี   มีวาจาเป็นสุภาษิต   นี่ก็เป็นมงคลอุดม

                                การบำรุงมารดาบิดา   การสงเคราะห์บุตรภริยา
                     การงานอันไม่อากูล   นี่ก็เป็นมงคลอุดม.

                                ทาน  ธรรมจริยา   การสงเคราะห์ญาติ  การงาน
                     อันไม่มีโทษ   นี่ก็เป็นมงคลอุดม.

                               การงดเว้นจากบาป   งดเว้นการดื่มน้ำเมา   ความ
                     ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย   นี่ก็เป็นมงคลอุดม.

                               ความเคารพ   ความถ่อมตน   ความสันโดษ   ความ
                     กตัญญู   การฟังธรรมตามกาล   นี่ก็เป็นมงคลอุดม.
   
                              ความอดทน   ความว่าง่าย   การเห็นสมณะ   การ
                     สนทนาธรรมตามกาล   นี่ก็เป็นมงคลอุดม.

                             ตบะ   พรหมจรรย์   การเห็นอริยสัจ   การทำพระ-
                     นิพพานให้แจ้ง   นี่ก็เป็นมงคลอุดม.

                            จิตของผู้ที่ถูกโลกธรรมกระทบแล้ว  ไม่หวั่นไหว
                    ไม่เเศร้าโศก   ไม่เศร้าหมองละอองกิเลส   เกษม
                    ปลอดโปร่ง   นี่ก็เป็นมงคลอุดม.

                            เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย   ทำมงคลดังนี้แล้ว
                   ไม่พ่ายแพ้ในข้าศึกทั้งปวง   ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทุก
                   สถาน   นี่แลมงคลอุดม  ของเทวดาและมนุษย์เหล่านั้น.


                                                  จบมงคลสูตร      

                                       ......................................

                                            ขออนุโมทนาบุญค่ะ


       

พาลและบัณฑิต




                                       

                    ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



                                                      พาลบัณฑิตสูตร

                                        พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เชตวนาราม
                       ตรัสแสดงลักษณะของคนพาล ๓ อย่าง คือ คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว  
                 คนพาลจะประสบกับทุกข์โทมนัสถึง ๓ ประการในปัจจุบัน และตายไปก็จะเข้าสู่นรก
                        กำเนิดเป็นดิรัจฉาน หรือถ้าเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะเกิดในตระกูลต่ำ 
                              ยากจน มีผิวพรรณทราม มีโรคเบียดเบียน ไม่มีลาภ 

                             ส่วนบัณฑิตมีลักษณะ ๓ ลักษณะ คือ คิดดี พูดดี ทำดี 
                       บัณฑิตย่อมได้เสวยสุขโสมนัสถึง ๓ ประการในปัจจุบัน และตายไป
                                               ก็จะเข้าสู่สุคติโลกสวรรค์ 
                                    แล้วทรงแสดงสมบัติจักรพรรดิ์โดยละเอียดว่า
                           เทียบกันไม่ได้เลยกับสมัยสมบัติทิพย์ หรือถ้าเกิดเป็นมนุษย์
                                      ก็เกิดในตระกูลสูงมั่งคั่ง รูปงาม มีลาภ


                                                ....................................

                                                       อนุโมทนาค่ะ

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สะอาดด้วยน้ำ หรือด้วยความประพฤติ


ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับ ณ ตำบาลคยาสีสะ ใกล้แม่น้ำคยา สมัยนั้น ชฎิล (นักบวชเกล้าผมเป็นเซิง) มากหลาย ดำผุดบ้าง ดำหัวบ้าง เอามือวักน้ำรดตนเองบ้าง ในแม่น้ำคยา บูชาไฟบ้าง ในสมัยที่มีหิมะตกระหว่างราตรีฤดูหนาว อันเย็นเยียบ ด้วยคิดว่า ความบริสุทธิ์จะมีได้ด้วยวิธีการนี้

พระผู้มีพระภาคได้ทอดพระเนตรเห็นชฎิลเหล่านั้นทำอาการอย่างนั้น จึงทรงเปล่งอุทานในเวลานั้นว่า


                   "ความบริสุทธิ์เพราะน้ำในแม่น้ำ ที่คนเป็นอันมากอาบนั้น ย่อมไม่มี
                          ผู้ใดมีสัจจะ มีธรรมะ ผู้นั้นเป็นผู้สะอาด เป็นพราหมณ์"


                                                    .............................

                                     
                                       อนุโมทนาในกุศลจิตกับทุกท่านด้วยค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เวียนว่ายตายเกิด



ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
 
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย...เปรียบเสมือนท่อนไม้ที่โยนขึ้นไปในอากาศ บางครั้งก็ตกลงทางโคน บางครั้งก็ตกลงทางกลาง บางครั้งก็ตกลงทางปลาย  สัตว์ทั้งหลายผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกมัด วิ่งไป ท่องเที่ยวอยู่ บางครั้งก็ไปสู่โลกอื่นจากโลกนี้ บางครั้งก็มาสู่โลกนี้จากโลกอื่น...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  สงสาร (การเวียนว่ายตายเกิด) นี้ มีที่สุดอันตามไปไม่พบ ไม่ปรากฏเงื่อนเบื้องต้น เบื้องปลายของสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกมัด วิ่งไป ท่องเที่ยวไปอยู่ ควรเพื่อที่จะเบื่อหน่ายคลายกำหนัดในสังขารทั้งปวง ควรที่จะพ้นไปเสีย"

อธิบายว่าการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลก เปรียบเหมือนกับท่อนไม้ที่ถูกโยนขึ้นไปในอากาศ แล้วก็ตกลงมา บางครั้งก็ทางโคนไม้ลงก่อน บางครั้งก็ตกลงทางกลาง บางครั้งก็ตกลงทางปลาย สัตว์โลกทั้งหลายผู้ที่ยังต้องเวียนเกิดเวียนตายท่องเทียวอยู่ เพราะมีอวิชชาความไม่รู้ตามความเป็นจริงของสภาพธรรม มีตัณหาหรือโลภะเป็นเครื่องผูกมัด บางครั้งก็ตายจากโลกนี้ไปสู่โลกอื่น บางครั้งก็จากโลกอื่น มาสู่โลกนี้....สัตว์ทั้งหลายต้องเวียนว่ายตายเกิดหลายภพชาติ เพราะมีอวิชชาแแแแแแแและตัณหาเป็นเหตุปัจจัย หาที่สุดไม่ได้ ไม่มีเบื้องต้นและเบื้องปลาย เพราะฉะนั้นจึงควรที่จะเบื่อหน่ายคลายความยึดมั่นในสังขารทั้งปวง ซึ่งได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ


                                            ........................................

                                       
                                        ขออนุโมทนาในกุศลจิตกับทุกท่านค่ะ