ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น |
ท่านทราบมั้ยว่า ที่สุดของความจริงคืออะไร
ที่สุดของความจริง ก็คือสภาพธรรมที่มีจริง ได้แก่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน หรือเรียกสั้น ๆ เป็นภาษาบาลีว่า "ปรมัตถธรรม"
จิต เป็นสภาพที่มีจริง เป็นนามธรรม เป็นธาตุรู้ เป็นธาตุหรือเป็นสภาพธรรมที่มีจริง มีลักษณะเฉพาะอย่าง ไม่เป็นอย่างอื่น เกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไปไม่เหลือเลย ไม่มีสิ่งใดที่เกิดโดยปราศจากเหตุปัจจัย และไม่มีสิ่งใดที่เกิดแล้วจะไม่มีการดับ...... จิต หมายถึงธาตุรู้ ๆ ทุกอย่างตลอดชีวิต ตั้งแต่เกิดจนตาย......จิต เป็นธาตุรู้ ๆ สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ปรากฏทางทวารทั้ง ๖ ถ้าไม่ได้ยินเสียง หรือถ้าไม่มีสภาพรู้เสียง เสียงนั้นยก็จะปรากฏไม่ได้เลย
เจตสิก เป็นธาตุรู้ เป็นนามธรรม เป็นธาตุที่มีจริง เกิดพร้อมกับจิตและดับพร้อมกับจิต เจตสิกเกิดร่วมกับจิตแต่ละขณะอย่างน้อย ๗ ประเภท เจตสิกรู้อารมณ์เดียวกับจิต เจตสิกเกิดขึ้นทำกิจแตกต่างกัน
รูป เป็นธาตุที่ไม่รู้อะไร เป็นสภาพธรรมที่มีจริง แต่ไม่รู้อะไร เช่น เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ไหว ตึง ก็เป็นธาตุเฉพาะอย่าง
ธาตุมีมากมายหลากหลาย แต่เราจะไม่ได้คิดถึงชื่อ เราคิดถึงความจริงที่สุด ซึ่งหมายถึงสิ่งที่มีจริงที่พิสูจน์ได้ทุกขณะ สิ่งที่มีจริง ๆ เกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไปหมดไม่เหลือและไม่กลับมาอีกเลย ขณะนี้ก็มีธาตุเกิดดับอย่างหลากหลาย แต่สติไม่เกิดขึ้นระลึกรู้ ก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เห็นว่าธาตุเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็วมากนั้น ว่าเป็นของเที่ยงยั่งยืน แล้วก็จดจำนิมิตของจิต จดจำรูปร่างสัณฐานนิมิตของจิต
เพราะฉะนั้น ตามความจริงที่ถึงที่สุดของความจริงก็คือ จิต เป็นธาตุรู้ ซึ่งสามารถรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้ เช่น ขณะนี้กำลังมีเหตุ กำลังได้ยิน กำลังได้กลิ่น กำลังลิ้มรส กำลังกระทบสัมผัส กำลังคิดนึก ซึ่งเป็นความจริงที่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย เป็น "นิยาม" คือ เป็นความจริงที่จะต้องเป็นเช่นนั้น จิต ๑ ขณะเกิดขึ้นแล้วต้องดับไปเป็นปัจจัยให้จิตดวงอื่นหรือขณะต่อไปเกิดขึ้น และจิตเกิดขึ้นทุกขณะต้องมีสิ่ง (อารมณ์) ให้จิตรู้
ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์