ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า สมาคมไทย-กวนอิม, สวิตเซอร์แลนด์ |
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มีกรรมเป็นปัจจัย
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย |
ท่านเคยพิจารณาบ้างมั้ยว่า ตั้งแต่ศีรษะจรดถึงเท้านี้มีมาได้อย่างไร มาจากไหน มีอะไรเป็นสภาพธรรมที่ทำให้เกิดรูปวัตถุร่างกายตั้งแต่ศีรษะจนถึงเท้า แต่ถ้าผู้พิจารณาก็จะรู้ได้จริง ๆ ว่า "กรรมเป็นปัจจัย" ไม่มัใครเอา ดิน น้ำ ไฟ ลม มาทำเป็นรูปร่างกายตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้าได้ แต่กรรมที่ทุก ๆ คนมองไม่เห็นและก็ไม่รู้ว่าเป็นกรรมอะไร แต่ว่ากรรมนั้นได้กระทำแล้ว จึงเป็นปัจจัยให้รูปนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้า แม้ว่ารูปตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้าเมื่อวานนี้ก็ได้ดับหมดไปแล้ว และรูปขณะเมื่อกี้นี้ตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้าก็ดับไปโดยไม่มีใครรู้ แต่ว่าอะไรทำให้รู้สึกว่า เมื่อกระทบสัมผัสตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้าก็ยังมีอยู่ เพราะเหตุว่ายังมีกรรมเป็นปัจจัย ทำให้รูปนี้เกิดแล้วก็ดับ ๆ จะปรากฏเมื่อมีการกระทบสัมผัสเท่านั้นเอง
ขณะใดที่ไม่กระทบสัมผัส แม้รูปนั้นมีก็เหมือนไม่มี โดยสมุฐานต่าง ๆ โดยกรรมบ้าง โดยจิตบ้าง โดยอุตุบ้าง โดยอาหารบ้าง
นี่คือสิ่งที่ไม่รู้ตามเหตุตามปัจจัยในชาติหนึ่ง ๆ คือไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย แต่ก็ไปยึดครองว่าเป็นเรา โดยไม่ได้มีการสอบสวนเลยว่า ที่ว่าเป็นเรานั้นมาจากไหน อะไรเป็นปัจจัยแม้กระทั้งรูปแม้แต่ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าที่เกิดขึ้น แม้กระทั่งการเห็น การได้ยิน
ซึ่งจะต้องมีอยู่ตลอดชีวิต ใครที่มีชีวิตแล้วจะไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รส ไม่รู้กระทบสัมผัส ไม่รู้ความคิดนึกนั้น เป็นไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นควรที่จะได้ใคร่ควรว่า แม้แต่เห็น แม้ได้ยินนั้น มีปัจจัยอย่างไร เพราะเหตุว่าจะต้องอาศัยจักขุปสาท ซึ่งกรรมอีกนั้นแหละที่เป็นสมทฐานก่อตั้งให้จักขุปสาทเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมก็จะไม่เห็นกรรมและก็ไม่รู้ว่า มีชีวิตเกิดมาในโลกนี้ได้อย่างไร และอยู่ในโลกนี้แต่ละขณะได้อย่างไร แต่ถ้าพิจารณาโดยเรื่องของกรรม แล้วก็จะเห็นได้ว่า ทุกคนล้วนมีกรรมเป็นของ ๆ ตน ทุกขณะที่เห็น ที่ได้ยิน ทุกขณะที่มีชีวิตอยู่ จากขณะหนึ่งไปสู่อีกขณะหนึ่งทุกภพทุกชาติ เพราะฉะนั้นถ้ารู้อย่างนี้จริง ๆ อุเบกขาพรหมวิหารก็จะเพิ่มขึ้น คือไม่มีความหวั่นไหวในสุขในทุกข์ ไม่มีความเดือดร้อนในอกุศลใด ๆ ทั้งสิ้น
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน
ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์