ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย |
วิตักกสัณฐานสูตร
สูตรว่าด้วยที่ตั้งของความตรึกหรือความคิด
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ ณ เชตวนาราม ตรัสสอนว่า ภิกษุผู้ทำสมาธิ (ประกอบอธิจิต) พึงใส่ใจเครื่องหมายหรือนิมิต (อารมณ์) ๕ ประการอยู่เสมอ คือ
๑. เมื่อใส่ใจในอารมณ์ใด ที่เปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ เกิดความคิดอกุศลขึ้นขณะนั้น ถ้าสติเกิดระลึกรู้สภาพธรรมขณะนั้นว่าเป็นอกุศล กุศลจิตเกิดขึ้นเป็นเหตุให้ละความคิดฝ่ายอกุศลได้ จิตก็มีความสงบจากอกุศล เปรียบเสมือนนายช่างเอาลิ่มเนื้อละเอียด ตอกเอาลิ่มเนื้อหยาบออกไป ฉะนั้นแล.
๒. เมื่อใส่ใจในอารมณ์อื่น อันประกอบด้วยกุศล ความคิดอกุศลก็ยังเกิดสลับได้อย่างรวดเร็ว พึงพิจารณาเห็นโทษของความคิดฝ่ายอกุศล กุศลจิตก็จะเกิดขึ้น จิตก็จะสงบจากอกุศล เป็นสมาธิได้ เปรียบเหมือนชายหนุ่มหญิงสาวที่รักสวยรักงาม รังเกียจซากศพสัตว์ต่าง ๆ ที่มาคล้องอยูที่คอ ฉะนั้น.
๓. เมื่อพิจารณาโทษของความคิดฝ่ายอกุศลเหล่านั้น ความคิดอกุศลก็ยังเกิดขึ้น ก็พึงไม่ระลึกไม่ใส่ใจความคิดอกุศลนั้น ก็จะละความคิดฝ่ายอกุศลได้ เกิดความสงบแห่งจิตเป็นสมาธิได้ เปรียบเสมือนคนตาดี ไม่ต้องการเห็นรูป ก็หลับตาเสียหรือมองไปที่อื่น
๔. เมื่อไม่ระลึก ไม่ใส่ใจความคิดฝ่ายอกุศล ความคิดฝ่ายอกุศลยังเกิดขึ้น ก็พึงใส่ใจถึงเหตุแห่งความคิดอกุศลนั้น ก็จะทำให้ละความคิดฝ่ายอกุศลนั้นได้ เกิดความสงบแห่งจิตเป็นสมาธิได้ เปรียบเหมือนคนเดินเร็ว เดินช้าลง หยุด ยืน นั่ง นอน เพิกอิริยาบถหยาบ ๆ ลง สำเร็จกิริยาบถละเอียดขึ้น.
๕. เมื่อใส่ใจถึงเหตุแห่งความคิดฝ่ายอกุศล ความคิดฝ่ายอกุศลยังเกิดขึ้น ก็พึงเอาฟันกดฟัน เอาลิ้นกดเพดาน ข่มขี่บีบคั้นจิต เปรียบเหมือนคนมีกำลังมาก จับคอคนมีกำลังน้อยกว่า ข่มขี่บีบคั้น ฉะนั้น.
สรูป
เมื่อกระทำได้อย่างนี้ ภิกษุนี้ก็ชื่อว่าชำนาญในทางเกี่ยววกับความคิด (วิตก ความตรึก) ประสงค์จะคิดหรือตรึกอะไรก็คิดได้ หรือประสงค์จะไม่คิดไม่ตรึกก็ละได้ นับว่าตัดตัณหาได้ คลายเครื่องร้อยรัดได้ ทำความทุกข์ให้ถึงที่สุดได้ ด้วยการตรัสรู้เรื่องของจิตโดยชอบ.
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน และขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์